He reigned as Baekje power declined

He reigned as Baekje power declined, having lost the Seoul region to the rival Silla kingdom.

He may have chosen his name, which translates as "law king" or "dharma king", to emphasize his identification with the Buddhist faith. [1]

Beop's brief reign is mostly remembered for his ban on all killing, including hunting and butchering. He ordered the release of falcons and the burning of fishing and hunting tools. According to the Samguk Yusa, this ban was established in the twelfth lunar month of 599.

He began construction on the Wangheungsa temple, which was completed late in his successor's reign.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

เขาดำรงเป็นเจ้าอำนาจปฏิเสธ ไม่แพ้ภูมิภาคโซลอาณาจักรคู่แข่งเขาอาจเลือกชื่อของเขา ซึ่งแปลว่า "ธรรมกษัตริย์" หรือ "กฎหมายคิง เน้นรหัสของเขากับพุทธศาสนา [1]รัชกาลปัจจุบันโดยสังเขปของ Beop ส่วนใหญ่จำได้สำหรับเขาห้ามฆ่าทั้งหมด รวมทั้งการล่าสัตว์ และแล่ เขาสั่งเชื่อการปล่อยและการเผาไหม้ของการตกปลา และล่าสัตว์เครื่องมือ ตาม Samguk Yusa บ้านนี้ก่อตั้งขึ้นในเดือนสิบสองตามปฏิทินจันทรคติ 599เขาเริ่มก่อสร้างในวัด Wangheungsa ซึ่งแล้วเสร็จในรัชสมัยของทายาท

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

เจครองราชย์ AS ในไม่ไปพลังของเขาที่มีพื้นที่ที่หายไปกรุงโซลเพื่อคู่แข่งอาณาจักรซิลลา.

ของเขาอาจจะได้เลือกชื่อของเขาซึ่งแปลว่า "กฎหมายกษัตริย์" หรือ "พระมหากษัตริย์ธรรมะ" เพื่อเน้นของเขากับประชาชนที่นับถือศาสนาพุทธศรัทธา

[1] Beop รัชกาลสั้น ๆ เป็น ส่วนใหญ่นึกถึงสำหรับ Ban ของเขาในการฆ่าทั้งหมดรวมทั้งการล่าสัตว์และการแล่เนื้อ เขาสั่งให้ปล่อยของฟอลคอนและการ เผาไหม้ของการประมงและการล่าสัตว์เครื่องมือ Samguk Yusa ไปตามนี้ก่อตั้งขึ้นเพราะมันหมายถึงในบ้านในสิบสองเดือนทางจันทรคติ 599

ของเขาเริ่มก่อสร้างเมื่อ Wangheungsa วัดซึ่งเป็นทายาทเสร็จในช่วงปลายรัชกาลของพระองค์